สายตาพร่ามัว ต้อกระจกหรือไม่? รู้เท่าทันสัญญาณอันตรายก่อนสายตาจะเสื่อมถาวร

สายตาพร่ามัว เป็นอาการที่พบได้ทั่วไปในทุกช่วงวัย หลายคนเข้าใจว่าอาจเกิดจากความเหนื่อยล้า การใช้สายตานาน หรือปัญหาทางสายตาชั่วคราว แต่ในบางกรณี อาการพร่ามัวอาจเป็น สัญญาณแรกเริ่มของโรคต้อกระจก ที่อาจรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า “สายตาพร่ามัว” ที่กำลังเป็นอยู่นั้น เกิดจากต้อกระจกหรือไม่?
บทความนี้จะช่วยวิเคราะห์สาเหตุที่เป็นไปได้ วิธีแยกแยะ และแนวทางการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง

--------------------------------------------------

สายตาพร่ามัว คืออะไร?

สายตาพร่ามัว คือ อาการที่ทำให้มองเห็นไม่ชัด ภาพเบลอ หรือเหมือนมีหมอกบาง ๆ บังสายตา อาจเกิดขึ้นเฉียบพลันหรือค่อย ๆ เป็น โดยอาจเกิดกับตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง

อาการพร่ามัวอาจเกิดขึ้นร่วมกับ:

  • ตาแห้ง
  • เวียนหัวหรือปวดตา
  • มองเห็นแสงกระจาย
  • แพ้แสง
  • มองเห็นซ้อน

--------------------------------------------------

สาเหตุทั่วไปของสายตาพร่ามัว (ไม่เกี่ยวกับต้อกระจก)

ก่อนจะสรุปว่าเกี่ยวกับต้อกระจกหรือไม่ ต้องเข้าใจก่อนว่าอาการพร่ามัวอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ด้วย เช่น:

1. สายตาผิดปกติ (สั้น ยาว เอียง)

พบได้บ่อยที่สุดในวัยเรียนและวัยทำงาน หากไม่ได้ตรวจวัดสายตาอย่างเหมาะสม อาจทำให้มองเห็นไม่ชัด

2. ตาแห้ง (Dry Eye)

เกิดจากการใช้สายตานานเกินไป โดยเฉพาะจากหน้าจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์ ทำให้ความชุ่มชื้นในตาลดลง

3. ต้อเนื้อ/ต้อลม

เนื้อเยื่อที่ลามจากหัวตาเข้าสู่กระจกตา ทำให้ระคายเคือง มองเห็นมัวในบางมุม

4. ความดันโลหิตต่ำ / เบาหวาน

ระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติหรือความดันต่ำอาจส่งผลต่อหลอดเลือดในตา

5. ปัญหาจอประสาทตาเสื่อม / ต้อหิน

โรคตาอื่นที่มีผลต่อการมองเห็น แต่ต้องวินิจฉัยด้วยเครื่องมือเฉพาะทาง

--------------------------------------------------

แล้วสายตาพร่ามัวจากต้อกระจกเป็นอย่างไร?

ถ้าสายตาพร่ามัวเกิดจาก ต้อกระจก จะมีลักษณะเฉพาะที่ควรสังเกต ดังนี้:

ลักษณะอาการ >> ลักษณะของต้อกระจก

🚩 ความชัดเจนของภาพ >> มองเห็นเหมือนหมอกบาง มัวลงเรื่อย ๆ

🚩 การเปลี่ยนแปลงของสายตา >> เปลี่ยนแว่นบ่อยแต่ยังไม่ชัด

🚩 ความไวต่อแสง >> แสบตาหรือไม่สบายตาเมื่อเจอแสงจ้า

🚩 การมองกลางคืน >> เห็นแสงไฟแตกหรือกระจายเป็นวง

🚩 การมองสี >> สีดูจางลง เช่น ขาวกลายเป็นเทา

อาการเหล่านี้มักพัฒนาอย่างช้า ๆ แต่ต่อเนื่อง หากเริ่มมีหลายข้อพร้อมกัน ควรพบจักษุแพทย์โดยเร็ว

ควรพบแพทย์เมื่อใด?

หากคุณมีอาการพร่ามัวที่:

  • เกิดอย่างต่อเนื่องนานเกิน 1–2 สัปดาห์
  • มีอาการร่วมหลายอย่าง เช่น แพ้แสง มองเห็นซ้อน
  • กระทบต่อชีวิตประจำวัน เช่น ขับรถ อ่านหนังสือไม่ชัด

ควรเข้ารับการตรวจโดยจักษุแพทย์ ทันที โดยเฉพาะในผู้ที่อายุเกิน 50 ปี หรือมีโรคเบาหวาน เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงของต้อกระจก

--------------------------------------------------

การวินิจฉัยโรคต้อกระจก

แพทย์จะใช้เครื่องมือ เช่น slit lamp เพื่อตรวจเลนส์ตาโดยตรง และอาจตรวจเพิ่มเติมเพื่อดูความสามารถในการมองเห็น และความดันในลูกตา เพื่อแยกแยะจากโรคตาอื่น

การดูแลตนเองเมื่อมีอาการพร่ามัว

  • หยุดใช้สายตานาน ๆ โดยพักทุก 20 นาที
  • ดื่มน้ำมากพอ และหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด
  • หยอดน้ำตาเทียมหากมีตาแห้ง
  • ตรวจตาเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะคนอายุ 40 ปีขึ้นไป
  • อย่าใช้ยาหยอดตาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์

--------------------------------------------------

อาการสายตาพร่ามัวอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่หากคุณมีอาการร่วม เช่น มองไม่ชัดแม้ใส่แว่น เห็นแสงกระจาย หรือแพ้แสง ควรตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็น สัญญาณเริ่มต้นของต้อกระจก การตรวจตาโดยจักษุแพทย์จึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยและแม่นยำที่สุดในการวินิจฉัยโรคและป้องกันการสูญเสียการมองเห็นในอนาคต

ศูนย์จักษุ

สถานที่ตั้ง

อาคาร B ชั้น 3

เวลาทำการ

ทุกวัน 08:00-20:00 น.

ติดต่อ

035-335555 ต่อ 350, 358
Credit card mockups

แพ็กเกจที่แนะนำ