ในบรรดาโรคเกี่ยวกับดวงตา มีอยู่สองคำที่มักทำให้ผู้คนสับสน คือ “ต้อกระจก” และ “ต้อเนื้อ” หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นโรคเดียวกัน หรือบางคนคิดว่าทั้งสองคือระยะต่างกันของโรคเดียว ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ทั้งสองโรคต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งในด้านตำแหน่งที่เกิด อาการ สาเหตุ และแนวทางการรักษา
เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด และสามารถดูแลดวงตาได้อย่างถูกต้อง เรามาทำความรู้จักและเปรียบเทียบกันอย่างละเอียดว่า “ต้อกระจกต่างจากต้อเนื้อยังไง?”
ความหมายของต้อกระจก
ต้อกระจก (Cataract) คือ ภาวะที่เลนส์ตาภายในดวงตาเกิดความขุ่นมัว ทำให้แสงผ่านได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้การมองเห็นพร่ามัวเหมือนมีหมอกบัง การเกิดต้อกระจกส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับอายุที่มากขึ้น หรือโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน
ความหมายของต้อเนื้อ
ต้อเนื้อ (Pterygium) คือ การที่เยื่อบุตาขาวบริเวณหัวตาหรือหางตาหนาขึ้น แล้วลามเข้ามาบนกระจกตา มีลักษณะเป็นแผ่นเนื้อ สามารถเห็นได้จากภายนอก อาจทำให้ระคายเคืองตา ตาแดง หรือมีน้ำตาไหลเรื้อรัง

อาการที่อาจทำให้สับสน
หลายคนเข้าใจผิดเพราะอาการของทั้งสองโรคบางครั้งดูคล้ายกัน เช่น:
- ตาแพ้แสง: ทั้งสองโรคสามารถทำให้ผู้ป่วยรู้สึกแสบตาหรือไม่สบายตาเมื่ออยู่ในที่มีแสงจ้า
- การมองเห็นพร่ามัว: ต้อกระจกทำให้มองไม่ชัดจากความขุ่นในเลนส์ ส่วนต้อเนื้ออาจลามเข้ากระจกตาและบดบังการมองเห็น
- ตาแดงเรื้อรัง: พบบ่อยในต้อเนื้อมากกว่าต้อกระจก
แต่การ ตรวจโดยจักษุแพทย์ เท่านั้นที่จะสามารถแยกโรคได้ชัดเจน

แนวทางการรักษา
การรักษาต้อกระจก:
- ผ่าตัดเอาเลนส์ตาที่ขุ่นออก และใส่เลนส์เทียมเข้าไปแทน
- เป็นการรักษาที่ปลอดภัย ฟื้นตัวไว หากทำในโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
- ไม่สามารถรักษาด้วยยาได้
การรักษาต้อเนื้อ:
- หยอดยาต้านการอักเสบหรือยาหยอดตาสูตรลดระคายเคือง
- หากเนื้อเยื่อหนามากหรือรบกวนการมองเห็น อาจพิจารณาผ่าตัด
- หลังผ่าตัดอาจกลับมาเป็นซ้ำได้ จึงต้องป้องกันแสง UV อย่างสม่ำเสมอ
---------------------------------------------------------
แนวทางการป้องกันทั้งสองโรค
- หลีกเลี่ยงแสงแดดแรงจัด โดยสวมแว่นกันแดดที่มี UV Protection
- ดูแลสุขภาพโดยรวม เช่น ควบคุมเบาหวาน ความดันโลหิต
- หลีกเลี่ยงฝุ่น ลม แสงสะท้อนแรง โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง
- ตรวจตาเป็นประจำ โดยเฉพาะคนอายุ 40 ปีขึ้นไป
---------------------------------------------------------
แม้คำว่า “ต้อกระจก” และ “ต้อเนื้อ” จะคล้ายกัน แต่ความจริงแล้วเป็น คนละโรค คนละตำแหน่ง และคนละระดับความรุนแรงโดยต้อกระจกเกี่ยวข้องกับภาวะภายในตาที่อาจทำให้ตาบอดได้หากปล่อยทิ้งไว้ ส่วนต้อเนื้อเป็นโรคที่เกิดจากการระคายเคืองของเยื่อบุตา ซึ่งแม้จะไม่รุนแรงมากแต่ก็ควรได้รับการดูแล







