เมื่อตรวจพบว่าเป็น “ต้อกระจก” คำถามแรกที่หลายคนมักสงสัยคือ “เป็นแล้วหายไหม?” หรือ “ต้องใส่แว่นตลอดชีวิตหรือเปล่า?” ซึ่งคำถามเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ เพราะสายตาคือหนึ่งในประสาทสัมผัสสำคัญของชีวิต
ข่าวดีคือ โรคต้อกระจก ไม่ใช่โรคเรื้อรังแบบหายยาก และปัจจุบันมีวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง อย่างไรก็ตาม การหายของโรคนี้ไม่ได้เกิดจากการใช้ยา หรือปล่อยให้ดีขึ้นเอง แต่ต้องใช้การรักษาด้วยวิธีเฉพาะทาง
--------------------------------------------------------
ต้อกระจกคืออะไร?
ต้อกระจก (Cataract) คือภาวะที่ “เลนส์ตา” ขุ่นมัว ทำให้แสงผ่านเข้าสู่จอประสาทตาได้ไม่เต็มที่ ผู้ป่วยจึงมองเห็นไม่ชัด พร่ามัว หรือเห็นภาพซ้อน โดยมักพบบ่อยในผู้สูงอายุหรือผู้มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน
--------------------------------------------------------
ต้อกระจกหายได้ไหม?
✅ หายได้ ถ้าได้รับการรักษาที่เหมาะสม โดยเฉพาะ “การผ่าตัดใส่เลนส์เทียม”
การรักษาต้อกระจกแบบถาวรในปัจจุบันคือ การผ่าตัดเลนส์แก้วตาออก และใส่ เลนส์แก้วตาเทียม (Intraocular Lens: IOL)แทนที่ ซึ่งถือเป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก
ตามข้อมูลจาก กรมการแพทย์ การผ่าตัดต้อกระจกมีอัตราความสำเร็จสูงมากกว่า 95% ผู้ป่วยสามารถกลับมามองเห็นชัดเจนภายในเวลาไม่นานหลังผ่าตัด
--------------------------------------------------------
วิธีรักษาต้อกระจกในปัจจุบัน
1. การผ่าตัดแบบสลายต้อด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Phacoemulsification)
เป็นเทคนิคที่นิยมที่สุดในไทยและทั่วโลก ใช้คลื่นเสียงพิเศษในการสลายเลนส์ที่ขุ่น แล้วดูดออก จากนั้นจึงใส่เลนส์เทียมขนาดเล็กเข้าไปแทนที่
ข้อดี: แผลเล็ก หายเร็ว ไม่ต้องเย็บแผล
2. การผ่าตัดแบบใช้เลเซอร์ (Femtosecond Laser Cataract Surgery)
เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เพิ่มความแม่นยำในการผ่าตัด ลดการบาดเจ็บ และช่วยให้ผลลัพธ์สายตาดียิ่งขึ้น
ข้อดี: เหมาะกับเคสซับซ้อนหรือผู้ที่ต้องการความแม่นยำสูง

แล้วถ้าไม่ผ่าตัดล่ะ?
ในปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีอื่นใดที่สามารถรักษาต้อกระจกให้หายได้ นอกจากการผ่าตัด
- ยาหยอดตา ยากิน หรือวิตามิน อาจช่วยชะลอการพัฒนา แต่ไม่สามารถทำให้เลนส์ใสขึ้นได้
- หากปล่อยทิ้งไว้ เลนส์จะขุ่นมากขึ้น จนมองไม่เห็นและเสี่ยงตาบอดถาวร
--------------------------------------------------------
โอกาสฟื้นฟูสายตาหลังผ่าตัด
ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับมามองเห็นได้ใกล้เคียงปกติภายใน 1–2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับปัจจัย เช่น:
- ไม่มีโรคจอประสาทตาหรือภาวะแทรกซ้อนอื่น
- ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด
- ไม่มีภาวะต้อหินหรือโรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้
เคสทั่วไปหลังผ่าตัด:
- 1–2 วันแรก: มองเห็นเริ่มชัดขึ้น แต่ยังพร่าบ้าง
- 1 สัปดาห์: การมองเห็นดีขึ้นชัดเจน
- 1 เดือน: มองเห็นใกล้เคียงปกติเต็มที่
ผู้ที่อาจมีข้อจำกัดในการรักษา
แม้ต้อกระจกจะรักษาได้ แต่บางกลุ่มอาจต้องได้รับการประเมินพิเศษ เช่น:
- ผู้ที่มีต้อกระจกร่วมกับโรคตาอื่น เช่น ต้อหิน จอตาเสื่อม
- ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวรุนแรง
- ผู้ที่ผ่าตัดหลายครั้ง หรือมีอุบัติเหตุที่ดวงตามาก่อน
ในกรณีนี้ จักษุแพทย์จะวางแผนร่วมกับแพทย์เฉพาะทางเพื่อหาทางรักษาที่ปลอดภัยที่สุด
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด
- หลีกเลี่ยงการขยี้ตา หรือน้ำเข้าสู่ตาใน 1 เดือนแรก
- ใช้ยาหยอดตาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- สวมแว่นกันแดดเมื่อต้องออกแดด
- งดทำกิจกรรมที่ใช้แรง เช่น ยกของหนัก วิ่ง
- ตรวจติดตามหลังผ่าตัดตามนัดทุกครั้ง
--------------------------------------------------------
ต้อกระจกเป็นโรคที่รักษาให้หายได้ และโอกาสในการมองเห็นกลับมาใกล้เคียงปกติมีสูงมากหากได้รับการรักษาทางการแพทย์ที่ถูกต้อง โดยเฉพาะการผ่าตัดเลนส์ตาแบบสมัยใหม่ การตรวจพบและวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้การรักษาได้ผลดี ลดภาวะแทรกซ้อน และไม่ปล่อยให้ดวงตาเสื่อมจนสายเกินไป







