ต้อกระจกมีกี่ระยะ? เข้าใจการดำเนินโรคก่อนสายตาจะเสียถาวร

ต้อกระจก เป็นภาวะที่เลนส์แก้วตาซึ่งเคยใสและช่วยรวมแสงให้เรามองเห็นอย่างชัดเจน กลับค่อย ๆ ขุ่นมัวมากขึ้น จนทำให้สายตามัวพร่า มองเห็นไม่ชัด โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือได้รับยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน

ความสำคัญของบทความนี้ คือการอธิบายให้เข้าใจว่า "ต้อกระจกมีการดำเนินโรคเป็นระยะ ๆ" และการรู้เท่าทันในแต่ละระยะจะช่วยให้ตัดสินใจรักษาได้ถูกเวลา ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และลดความเสี่ยงของการสูญเสียการมองเห็นถาวร

ต้อกระจก มีกี่ระยะ?

ตามการวินิจฉัยของจักษุแพทย์ในประเทศไทย เช่นที่ กรมการแพทย์ และคลินิกเฉพาะทางตา มักแบ่งระยะของโรคต้อกระจกออกเป็น 4 ระยะหลัก ได้แก่:

1. ระยะเริ่มต้น (Early Cataract)

ลักษณะ:

  • เลนส์ตาเริ่มขุ่นเล็กน้อยโดยที่ผู้ป่วยอาจไม่รู้ตัว
  • เริ่มมีอาการมองเห็นพร่ามัวบ้าง โดยเฉพาะในที่แสงจ้า
  • อาจเห็นแสงกระจาย หรือรู้สึกระคายเคืองเล็กน้อย

คำแนะนำ:

  • ยังไม่จำเป็นต้องผ่าตัด
  • ควรตรวจสายตาและติดตามอาการเป็นระยะ
  • ปรับพฤติกรรม เช่น ลดแสง UV, หลีกเลี่ยงบุหรี่ และควบคุมโรคประจำตัว

--------------------------------------------------------------------------------------

2. ระยะปานกลาง (Developing Cataract)

ลักษณะ:

  • ความขุ่นในเลนส์ตาเพิ่มมากขึ้น
  • การมองเห็นเริ่มมีผลกระทบชัดเจนในชีวิตประจำวัน
  • เห็นแสงไฟแตกซ้อนตอนกลางคืน
  • อาจเริ่มมองเห็นสีผิดเพี้ยน

คำแนะนำ:

  • อาจพิจารณาเปลี่ยนแว่นเพื่อลดผลกระทบ
  • หากการมองเห็นเริ่มรบกวนการทำงานหรือขับรถ ควรปรึกษาจักษุแพทย์เรื่องการผ่าตัด

--------------------------------------------------------------------------------------

3. ระยะรุนแรง (Mature Cataract)

ลักษณะ:

  • เลนส์ตามีความขุ่นมาก สีของเลนส์เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวหรือเทาขุ่น
  • มองไม่เห็นชัดแม้ในเวลากลางวัน
  • การทำกิจวัตรประจำวันเป็นเรื่องยาก เช่น เดิน หยิบของ อ่านหนังสือ

คำแนะนำ:

  • เป็นระยะที่ควรพิจารณา “ผ่าตัดต้อกระจก” อย่างจริงจัง
  • หากปล่อยไว้อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ต้อหินชนิดเฉียบพลัน หรือเลนส์ตาหลุด

--------------------------------------------------------------------------------------

4. ระยะสุดท้าย (Hypermature Cataract)

ลักษณะ:

  • เลนส์ตาขุ่นมากจนไม่สามารถมองเห็นภาพได้เลย
  • อาจเกิดการรั่วของสารในเลนส์ตา ทำให้เกิดการอักเสบหรือความดันในตาสูง
  • เสี่ยงตาบอดถาวรหากไม่ได้รับการรักษาโดยด่วน

คำแนะนำ:

  • ต้องผ่าตัดด่วนภายใต้การดูแลของจักษุแพทย์เฉพาะทาง
  • อาจต้องพิจารณาร่วมกับการรักษาภาวะแทรกซ้อนอื่นที่เกิดขึ้นแล้ว

--------------------------------------------------------------------------------------

สิ่งที่ควรทำในแต่ละระยะ

ระยะเริ่มต้น : ควรตรวจตาเป็นประจำทุก 6–12 เดือน

ระยะปานกลาง : ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเตรียมการผ่าตัดหากจำเป็น

ระยะรุนแรง : ควรวางแผนการผ่าตัดร่วมกับแพทย์ทันที

ระยะสุดท้าย : ควรผ่าตัดเร่งด่วนและดูแลหลังผ่าตัดใกล้ชิด

ทำไมไม่ควรปล่อยให้ต้อกระจกรุนแรง?

หากปล่อยให้โรคพัฒนาเข้าสู่ระยะรุนแรงหรือระยะสุดท้าย การผ่าตัดอาจมีความเสี่ยงมากขึ้น เช่น:

  • แผลหายช้ากว่า
  • มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนสูงขึ้น เช่น ต้อหิน ตาอักเสบ
  • ผลลัพธ์ของการมองเห็นหลังผ่าตัดอาจไม่ฟื้นกลับมาดีเหมือนระยะแรก

ควรตรวจตาบ่อยแค่ไหน?

  • อายุต่ำกว่า 40 ปี: ควรตรวจทุก 2 ปี
  • อายุ 40–60 ปี: ตรวจทุก 1–2 ปี
  • อายุมากกว่า 60 ปี หรือมีโรคประจำตัว: ควรตรวจตาทุกปี และพบจักษุแพทย์ทันทีหากมีอาการผิดปกติ

ต้อกระจกเป็นโรคที่ค่อย ๆ พัฒนาเป็นระยะจากเบาไปหาหนัก โดยมีอาการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง การรู้จัก แต่ละระยะของต้อกระจก จะช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถวางแผนการรักษาได้ทันท่วงที และลดโอกาสการสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร

หากคุณหรือคนใกล้ตัวเริ่มมีอาการมองเห็นผิดปกติ อย่ารอให้สายเกินไป ควรพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยเร็วที่สุด

ศูนย์จักษุ

สถานที่ตั้ง

อาคาร B ชั้น 3

เวลาทำการ

ทุกวัน 08:00-20:00 น.

ติดต่อ

035-335555 ต่อ 350, 358
Credit card mockups

แพ็กเกจที่แนะนำ